โปรเจกต์หนังไตรภาคแนวระทึกขวัญ สยองขวัญ จาก Netflix ภาพยนตร์ที่ดัดแปลงมาจากนิยายของ R.L.Stine โดยจะเป็นการปล่อยภาพยนตร์ออกมาด้วยกัน 3 เรื่อง 3 เหตุการณ์ในแต่ละช่วงเวลาปีที่แตกต่างกัน แต่มีจุดเหตุการณ์บางอย่างที่เชื่อมต่อกัน โดยในส่วนของภาคแรกได้ปล่อยออกมาแล้วนั้นในสัปดาห์แรกกับ Fear Street Part One: 1994 ผู้เขียนได้มีโอกาสได้รับชม และอยากจะมารีวิวให้ทุกคนได้อ่านกันค่ะ

Fear Street ในพาร์ทแรกนั้น เล่าถึงเหตุการณ์ ในปี ค.ศ. 1994 เมืองเชดี้ไลด์ เมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกา ที่มีเหตุก่ออาชญากรรมสูง เกิดเหตุโศกนาฏกรรมบ่อยเกือบทุกวัน ซึ่งตรงข้ามกับเมืองข้างๆ อย่างซันนี่เวล เมืองที่เต็มไปด้วยความมั่งคั่งและความสงบสุข ดีน่า หญิงสาวจากโรงเรียนไฮสคูล ได้พบกับ แซม หญิงสาวจากไฮสคูลเมืองซันนี่เวลและยังเป็นอดีตแฟนสาวของดีน่า ขณะที่แฟนใหม่ของแซมได้ตามไปป่วนพวกนักเรียนจากเมืองเชดี้ไลด์ ก็ทำให้เกิดอุบัติเหตุรถยนตร์พลัดตกถนน ซึ่งในรถคันนั้นก็มีแซมนั่งไปด้วย หลังจากเหตุการณ์อุบัติเหตุนั้น แซมเริ่มมีความผิดปกติเกิดขึ้นเริ่มเห็นภาพแม่มดบางอย่าง ในขณะเดียวกัน คืนนั้นก็เริ่มมีคนที่สวมหน้ากากผี มาเฝ้าอยู่หน้าประตูบ้านของดีน่า และเริ่มไล่ฆ่าคน แต่ฆาตกรที่ไล่ฆ่านั้นไม่ได้มีเพียงแค่คนที่สวมหน้ากาผีเพียงเท่านั้น ยังมีฆาตกรหญิงสาวที่ถือมีดโกนหนวด ตามไล่ฆ่าพร้อมกับร้องเพลงบทกลอนไปด้วย และฆาตกรที่ถือขวานวิ่งตามไล่ฆ่า ซึ่งฆาตกรเหล่านี้ จอช ที่เป็นน้องชายของดีน่า ก็ได้สันนิษฐานว่า ฆาตกรที่ไล่ฆ่าพวกเขาอาจจะเป็นลูกสมุนของแม่มดอย่าง ซาร่าห์ เฟียร์ ที่ต้องการตัวและเลือดของแซม ดีน่า เคท จอช และไซม่อน จึงรีบพาแซมหนีฆาตกรที่ตามไล่ฆ่า

Fear Street Part One: 1994 เป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์ไตรภาคระทึกขวัญที่น่าติดตามภาคต่อไปเป็นอย่างมาก ผูกปมและทิ้งท้ายปมใหญ่ไว้ภาคต่อไปได้น่าติดตามต่อ เนื้อเรื่องในตอนช่วงแรกๆ ของเรื่องดูอาจจะงงๆ ดูไม่น่าใช่ปมใหญ่อะไรมากหนัก แต่พอมาตอนท้ายๆ เรื่องก็ทิ้งปมใหญ่ไว้ให้คนที่รับชมอยากจะดูภาคต่อไป การดำเนินเนื้อเรื่องในช่วงแรกรู้สึกว่าจะเอื่อยๆ ไปนิดนึง มีบางฉากที่ก็เอ๊ะ ตะหงิดใจอยู่บ้าง จะใส่มาทำไมบ้าง ฉากไล่ฆ่าภายในเรื่องก็ชวนให้ตื่นเต้นไปกับตัวละคร ลุ้นไปเหมือนกันว่าตัวละครจะตายไหม จะฆ่าตัวละครไหนทิ้งหรือไม่ แต่พอเริ่มมาตอนท้ายเรื่อง ก็รู้สึกว่าการดำเนินเนื้อเรื่องดำเนินไปเร็วมาก รวบรัด จนทิ้งความตื่นเต้น ลุ้นระทึกไป แต่กลับมาแทนที่ด้วยความงง งงเพราะในความรู้สึกของผู้เขียนเอง ลุ้นให้ตัวละครหนึ่งรอดจากการตามฆ่าได้ พอรอดมาได้แล้ว ก็เกิดเหตุอีกจนเป็นเรื่องวุ่นวายต่อไป แต่ก็ดูเป็นไปตามฉบับหนังระทึกขวัญ ความรู้สึกที่ตามมาคือ ความลุ้น ความสงสัย และความน่าติดตามต่อไปว่า เรื่องราวในปี 1978 นั้นเป็นอย่างไร เพราะก็มีการเกริ่นไปในเรื่องแล้วว่า มีคนรอดชีวิตมาก็จริง แต่แม่มดจะไม่หยุดตามฆ่าแน่นอน ก็น่าติดตามต่อไปว่า แซม และดีน่า จะรอดได้กลับมาเป็นปกติไหม

ในส่วนของเรื่องงานภาพ โดยส่วนตัวของผู้เขียนนั้นก็ไม่ได้ว้าวอะไรมากนัก CG ในเรื่องก็สมจริงมีลอยๆ บ้างในบางฉาก พาเราย้อนกลับไปในยุค 90 ได้ดี หนังระทึกขวัญอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญคือ ซาวน์ประกอบภายในเรื่อง หากใส่ประกอบไปได้ถูกจังหวะก็จะเพิ่มความลุ้นระทึกไปได้มาก ซึ่งภายในเรื่องนี้เองก็ใส่ซาวด์เอฟเฟคได้ดี ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้เรื่องลุ้นระทึก ตกใจ และลุ้นไปตามเนื้อเรื่อง จุดพีคในเรื่องสำหรับผู้เขียนเองรู้สึกว่า พีคมาก รู้สึกว่าจะมีจุดที่พีคอยู่ด้วยกัน 2 จุดด้วยกัน ขอแอบกระซิบเลยว่า อึ้งไปกับการเฉลยไปค่อนข้างเยอะอยู่เช่นกัน ส่วนปมของแม่มดที่ทิ้งไว้ในภาคต่อไปอันนี้ก็ดูเป็นปมใหญ่ของเรื่องที่น่าติดตามต่อไปมาก ฆาตกรที่เรื่องดีไซน์มากภายในเรื่องก็ได้เห็นความโหดยังไม่มากนักเท่าไหร่นัก วิธีการฆ่าจะเริ่มโหดๆ ก็เป็นตอนท้ายเรื่องเลย ที่วิธีที่ฆ่ารู้สึกว่าโหดมากๆ ดูแล้วภาพยังคงติดตาอยู่ เรื่องราวความสนุกในภาคต่อไปจะสนุกเท่าภาคแรกไหมก็คงติดตามกันต่อไป ในส่วนของผู้เขียนเองคาดว่าเนื้อเรื่องในภาคสองที่เล่าย้อนไปในปี 1978 น่าจะสนุกกว่าภาคแรกแน่นอน