ซีรี่ย์เกาหลี I Remember You : อัจฉริยะพลิกปมปริศนา ในที่สุด อึนฮยอกก็ได้โอกาสแนะนำตัวอย่างเป็นทางการกับลูกทีม เขาเล่าว่าตนอาสามาร่วมงานกับทีมสืบสวนอาชญากรรมพิเศษเพราะใจล้วนๆ ทั้งที่ความจริงแล้วตนมีคุณสมบัติที่จะเข้าทำงานด้านความมั่นคงและหน่วยข่าวกรองด้วยซ้ำ ปรากฏว่าไม่มีลูกทีมคนใดสนใจฟัง ระหว่างที่อึนฮยอกพร่ำพรรณาถึงเรื่องราวของตน

ทุกคนในทีมต่างพากันนึกสงสัยและครุ่นคิดถึงคำพูดของฮยอน อึนฮยอกจึงแก้เก้อด้วยการปรบมือเบาๆ ให้ตัวเองหลังพูดจบ ครั้นพอเขาเอ่ยถึงฮยอนทุกคนก็หูผึ่งและหันมาฟังในบัดดล แต่พออึนฮยอกถามแบบงงๆ ว่าฮยอนเป็นใคร ทุกคนก็ทำหน้าผิดหวังและต่างหันกลับไปทำงานที่โต๊ะของตน ในที่สุดฮยอนก็พบสมุดวาดภาพสมัยที่ตนยังเป็นเด็ก พอเปิดออกดูแล้วพบรูปคนสองหัวเขาเลยนำมาเทียบกับภาพวาดชายสองหัวที่อยู่ในห้องเหยื่อสาว

อึนฮยอกต้องการมีส่วนร่วมและอยากให้ลูกทีมยอมรับจึงชวนคุยเรื่องที่ฮยอนฟันธงว่า คดีฆาตกรรมหญิงสาวที่บังแบดงกับย่านโทฮวาทงเป็นฝีมือคนร้ายคนเดียวกันและมีความเป็นไปได้ว่าคนร้ายจะใช้เรือยอชท์ มยองอูค้านหัวชนฝาว่าเป็นไปไม่ได้ เขาไม่ (อยากจะ) เชื่อว่าฮยอนจะเก่งขั้นเทพจนสามารถวิเคราห์เรื่องราวจากสถานที่เกิดเหตุได้อย่างละเอียดแม่นยำดุจตาเห็น ถึงแม้ว่าฮยอนจะผ่านการตรวจสอบประวัติและมีผลงานเป็นที่ยอมรับก็ตาม อึนฮยอกเห็นว่าฮยอนเป็นคนมีความสามารถจึงขอให้ทุกคนปล่อยวางเรื่องศักดิ์ศรี

จากนั้นก็เสนอให้เชิญฮยอนมาช่วยงานทีมตน จีอันรีบยกมือสนับสนุน แต่มยองอูไม่เห็นด้วยเพราะเขามองฮยอนเป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัยและไม่เชื่อว่าฮยอนจะยอมร่วมมือกับทีมตน จีอันอาสาไปเกลี้ยกล่อมให้ฮยอนยอมตกลง ซึงจูแย้งว่าฮยอนไม่มีทางรับปากเพราะเธอเป็นคนใส่กุญแจมือเขา อึนบกเสริมว่าฮยอนอาจฟ้องจีอันเรื่องที่เธอทำให้ข้อมือเขามีรอยข่วน จีอันยืนยันว่าตนจัดการได้แน่ เธอชี้ว่าบางทีฮยอนอาจกำลังรอให้พวกตนเอ่ยปากขอความช่วยเหลืออย่างเป็นทางการ เพราะเขาอุตส่าห์ดั้นด้นเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลไปดูสถานที่เกิดเหตุด้วยตนเอง ซึงจูถามว่าถ้าฮยอนปฏิเสธเธอจะทำอย่างไร จีอันพูดเต็มปากเต็มคำว่าเธอจะใช้หน้าตาเป็นอาวุธ ทุกคนในทีมฟังแล้วถึงกับอึ้งและรู้สึกสิ้นหวัง จีอันจึงแอบแหน็บทุกคนว่ามีตาหามีแววไม่

ฮยอนเห็นผ้ากันเปื้อนและผ้าคลุมผมที่ตนเคยใช้ตอนเป็นเด็กเลยหยิบขึ้นมาสวมขณะทำความสะอาดบ้าน เมื่อจีอันโทรฯ มาหา เขาก็เดาเจตนาของเธอออก เพราะคาดเอาไว้ตั้งแต่ต้นแล้วว่าเธอจะต้องโทรฯ มาขอความช่วยเหลือเรื่องคดี เพียงแต่ไม่นึกว่าจะเร็วอย่างนี้ เมื่อจีอันไม่ยอมรับตามตรงว่าเธอต้องการให้เขาช่วย ฮยอนจึงตัดบทว่าตนกำลังยุ่งและจะวางสาย จีอันแย้งว่าตนไม่ได้บอกว่าจะไม่ขอความช่วยเหลือ ฮยอนอยากรู้ว่าจีอันพบเบาะแสเพิ่มเติมบ้างหรือยัง จีอันยังไม่ทันตอบ เขาก็เดาออกว่าคงมืดแปดด้านตามเดิมไม่อย่างนั้นเธอคงไม่โทรฯ มาขอให้เขาช่วยไขคดี จีอันขอพบเขาเป็นการส่วนตัวเพื่อจะได้หารือกัน แต่ฮยอนปฏิเสธทันควันเพราะไม่อารมณ์อยากพบ เขาแนะให้เธอขอความช่วยเหลืออย่างจริงจังจริงใจเผื่อว่าบางทีเขาอาจเปลี่ยนใจ จีอันเลยจัดให้ตามคำขอแต่ฮยอนยังคงเล่นตัว

ระหว่างนั้นเขาเดินดูรอบๆ ห้องแล้วพบว่ามีบางอย่างผิดปกติจึงเปรยว่าปริมาณขี้ฝุ่นมีความแตกต่างกัน จีอันได้ยินดังนั้นก็นึกว่าฮยอนแอบบุกรุกเข้าไปในสถานที่เกิดเหตุอีกแห่ง ฮยอนแย้งว่าตนไม่ได้เป็นฝ่ายบุกรุกแต่คิดว่ามีใครบางคนบุกรุกบ้านตน จีอันขอให้ฮยอนพิจารณาเรื่องที่ตนร้องขอ แต่ฮยอนบอกว่าตนกำลังยุ่งและตัดสายทิ้งทันที เขารำพึงรำพันกับตัวเองว่า…มีผู้มาเยือน จากนั้นก็เดินไปที่ชั้นวางหนังสือแล้วมองหาสมุดบันทึกของพ่อซึ่งความจริงแล้วจะต้องวางอยู่ตรงที่เดิม (เช่นเดียวกับของทุกชิ้นในบ้าน) แต่กลับหาไม่พบ สิ่งที่เขาพบโดยบังเอิญคือกล่องใส่เทปบันทึกเสียงคำให้การของลี จุนยอง

ย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน ขณะที่ฮยอนในวัยเด็กกำลังทำความสะอาดบ้าน (โดยสวมผ้าคลุมผมและผ้ากันเปื้อนผืนเดียวกับที่ฮยอนในปัจจุบันใส่อยู่) เขาพบว่าพ่อลืมกระเป๋าเอกสารอีกตามเคยเลยพยายามโทรฯ ติดต่อแต่พ่อไม่รับสาย ในตอนนั้นจุงมินกำลังคุยกับจีซูที่สำนักงานตำรวจ จีซูเห็นจุงมินหน้านิ่วคิ้วขมวดเลยถามว่าเขามีเรื่องปวดหัวเหมือนตนหรือเปล่า จุงมินพยายามบ่ายเบี่ยงโดยบอกว่าความจริงแล้วตนไม่ได้มีปัญหาอะไรและถามกลับว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ จีซูบอกว่าตนกำลังจะหย่าเพราะมัวแต่บ้างานเลยไม่สามารถเป็นภรรยาที่ดีได้ จุงมินเห็นจีซูทุ่มเทให้กับการทำงานเลยแซวว่าอีกหน่อยเธอคงได้เป็นผู้บัญชาการหญิงคนแรก จีซูอยากรู้ว่าจุงมินไม่สบายใจเรื่องอะไร แต่จุงมินไม่อยากพูดเรื่องส่วนตัวเลยตอบเพียงว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ เขาบอกจีซูว่าวันนี้เป็นวันพิจารณาคดีของจุนยอง ตนจะสัมภาษณ์จุนยองที่สำนักงานใหญ่ก่อน จึงอยากให้เธอช่วยเตรียมการและอำนวยความสะดวกให้

ฮยอนนำกระเป๋าเอกสารมาให้พ่อที่สำนักงานตำรวจ เหล่าตำรวจเห็นว่าฮยอนเป็นเด็กฉลาดจึงพากันทดสอบความสามารถด้านการคิดคำนวณ ไม่ว่าจะถามอะไร ยากแค่ไหน ฮยอนก็ตอบได้หมด ทุกคนเลยรู้สึกทึ่ง “ยาง จินซอก” เทก้านไม้ขีดไฟที่อัดแน่นในกระป๋องลงบนโต๊ะแล้วถามฮยอนว่ามีทั้งหมดกี่ก้าน โดยบอกว่าถ้าฮยอนตอบถูกถึงจะได้ชื่อว่าเป็นอัจฉริยะตัวจริง ฮยอนตอบทันควันว่า 571 ก้าน จินซอกเลยชวนเพื่อนๆ ที่เป็นตำรวจสายสืบมานั่งนับเพราะอยากรู้ว่าชัวร์หรือมั่วนิ่ม หลังรออยู่นานแต่ยังคงไร้วี่แววของพ่อ ฮยอนจึงออกไปเดินตามหา ในตอนนั้นจุงมินเริ่มรู้สึกอ่อนล้าเลยหยุดพักการสัมภาษณ์จุนยองชั่วคราวและเดินออกจากห้องไป

ฮยอนเห็นจุนยองนั่งอยู่ในห้องตามลำพังเลยถามว่า “ศาสตราจารย์ลี จุงมิน” ไม่อยู่หรือ พอรู้ว่าฮยอนเป็นลูกชายของจุงมิน จุนยองจึงชวนฮยอนมานั่งรอพ่อในห้อง แม้ฮยอนจะจำจุนยองได้ (จากรูปถ่ายอาชญากรบนโต๊ะพ่อ) แต่เขากลับไม่กลัวการเผชิญหน้ากับอาชญากร หากสงสัยมากกว่าว่าจุนยองกลายเป็นคนแบบนี้ได้อย่างไร จุนยองยิ้มพลางถามว่าตนเป็นคนแบบไหน ฮยอนตอบว่าเป็นคนที่ผิดแปลกไปจากคนอื่น จุนยองอธิบายว่า ลูกเป็ดจะคิดว่าสิ่งแรกที่เห็นคือแม่ของพวกมันและพวกมันจะคิดอย่างนั้นจนวันตาย เพราะนั่นคือความทรงจำแรกแห่งชีวิตที่ถูกตราตรึงไว้ในสมองและจิตใต้สำนึก สัตว์ทุกชนิดล้วนมีช่วงเวลาสำคัญอันเป็นระยะหัวเลี้ยวหัวต่อ ซึ่งเป็นช่วงที่สมองเติบโตและมีพัฒนาการสมบูรณ์ ในช่วงเวลานั้นสิ่งที่เห็น ได้ยิน ได้สัมผัส หรือรับรู้ จะกลายเป็นความทรงจำฝังใจ ภายในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงสมองของลูกเป็ดจะพัฒนาเต็มที่ ส่วนลิงต้องใช้เวลา 1-2 ปี ฮยอนอยากรู้ว่ามนุษย์ใช้เวลากี่ปี จุนยองตอบว่าประมาณ 10-12 ปี ซึ่งก็คือวัยของฮยอน ช่วงเวลานี้จึงเป็นโอกาสทองที่จะกำหนดศักยภาพหรือชะตาคนเรา ฮยอนอยากรู้ว่าช่วงเวลาดังกล่าวของจุนยองเป็นอย่างไร แต่จุนยองถามกลับว่าของฮยอนเป็นไงบ้าง เขากล่าวว่า ตนคิดว่าฮยอนเองก็แตกต่างจากคนอื่นซึ่งมันไม่ง่ายเลย จากนั้นก็ถามว่าคนอื่นๆ เข้าใจฮยอนไหม แล้วพ่อล่ะเชื่อใจฮยอนหรือเปล่า เขาอยากรู้และอยากเห็นกับตาว่าโตขึ้นฮยอนจะเป็นคนแบบใด